Tagged: Noise

การสอบเทียบไมโครโฟน (Microphone Calibration) 0

การสอบเทียบ (Calibration)

การสอบเทียบเทียบ!!!

การสอบเทียบ คือ “ชุดของการดำเนินการเพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างค่าที่ชี้บอกโดยเครื่องมือวัด หรือระบบการวัด หรือค่าที่แสดงโดยเครื่องวัดที่เป็นวัสดุกับค่าสมนัยที่รู้ของปริมาณที่วัดภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดไว้” จาก ( พจนานุกรมระหว่างประเทศของคำศัพท์พื้นฐานและคำศัพท์ทั่วไปในมาตรวิทยา )

 

ทำไมต้องมีการสอบเทียบไมโครโฟน?

สิ่งของต่างๆที่เราใช้ในชีวิตประจำวันเมื่อถึงเวลามักจะต้องมีการเสื่อมสภาพเป็นธรรมดา ซึ่งในที่นี้ก็รวมไปถึงเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปก็ต้องมีการเสื่อมสมรรถภาพไปตามกาลเวลา และไม่มีทางที่จะเหนี่ยวรั้งไม่ให้มันเสื่อมสภาพได้ ซึ่งทางแก้ปัญหามีอยู่ทางเดียวคือ ต้องรักษาเครื่องมือเครื่องใช้นั้นๆ ให้ดี เพื่อให้เครื่องมือนั้นๆอยู่กับเรานานๆ แต่ถ้าเครื่องมือของเราเกิดอาการงองแง, เสียหรือชำรุด นั่นก็แน่นอนว่าเราต้องซ่อมหรือดัดแปลงมันให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ตามความต้องกาารของเราได้ดังเดิม แต่สำหรับเครื่องมือวัดค่าต่างๆนั้น การเสื่อมสภาพในการวัดค่า มันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย และเป็นสิ่งที่ต้องแก้ไขโดยเร่งด่วน และวิธีที่จะสามารถช่วยให้เครื่องมือวัดค่าของเรากลับมามีการวัดค่าที่ดีดังเดิมก็คือ “การสอบเทียบเสียง”

ทำไมต้องเจาะจงเฉพาะการสอบเทียบเครื่องวัดค่าต่างๆ

เพราะการวัดค่าต่างๆ จำเป็นอย่างมากที่จะต้องมีความเที่ยงตรงและแน่นอนเสมอๆ ถ้าเกิดการผิดเพี้ยนของค่าการวัดไปเพียงเล็กน้อย นั่นก็สื่อถึงความไม่ได้มาตรฐานของการวัด ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องสอบเทียบ เพื่อให้ค่านั้นๆตรงตามมาตรฐานอยู่เสมอๆ และเพื่อรักษามาตรฐานในการวัดให้ตรงตามที่มาตรฐานได้กำหนด

A photo by Sergey Zolkin. unsplash.com/photos/m9qMoh-scfE

มลพิษทางเสียง (Noise pollution) 0

มลพิษทางเสียง (Noise pollution)

มลพิษทางเสียงนั้น หมายถึงเสียงที่รบกวน หรือเสียงที่ดังเกินไปจนก่อให้เกิดอันตรายต่อตัวบุคคล, สัตว์ หรือสิ่งมีชัวิตอื่นๆที่สารถได้ยินเสียงแล้วเกิดอันตรายได้ต่อตัวเองได้

แล้วมลพิษทางเสียงเนี่ย มันมาจากไหนกันหล่ะะฃ

1.เสียงจากการจราจร

คือเสียงจากเครื่องจักร, เครื่องยนต์ที่ใช้สัญจร, เสียงบนท้องถนน และอื่นๆ

2.เสียงจากสถานประกอบการณ์

คือเสียงที่เกิดจากการกระทำที่เกิดจากการทำกิจการธุรกิจของผู้ประกอบการณ์ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม, สถานก่อสร้าง, โรงกลึงเหล็ก, และอื่นๆ

3.ชุนชนและสถานบริการ

คือเสียงดังที่เกิดจากตัวของผู้อยู่อาศัยในระแวกใกล้เคียงหรือสถานที่ประกอบการบริการและก่อให้เกิดเสียงดัง เช่น สถานเริงรมณ์, ชุมชน, สถานีวิทยุ, สถานีโทรทัศน์

 

ผลกระทบต่อการได้ยิน

-หูหนวกทันที เกิดขึ้นจากการที่อยู่ในบริเวณที่มีเสียงดังเกิน 120 เดซิเบลเอ

-หูหนวกชั่วคราว เกิดขึ้นเมื่ออยู่ในที่มีระดับเสียงดังตั้งแต่ 80 เดซิเบลเอขึ้นไปในเวลาไม่นานนั

-หูหนวกถาวร เกิดขึ้นเมื่ออยู่ในบริเวณที่มีระดับความดังมากเป็นเวลานานๆ

photo-1455014925136-e46fb2ccc345

“Sound” กับ “Noise” 0

“Sound” กับ “Noise”

เราจะได้เห็นกันบ่อยๆในงานเกี่ยวกับเสียงและเครื่องวัดเสียงซึ่งสองคำนี้เป็นสิ่งที่เราเจอบ่อยที่สุด และวันนี้เรามีข้อสังเกตุง่ายๆมาให้ทุกๆท่านได้ชมกัน

Sound (ตามพจนานุกรม คือ เสียง) จากคำอธิบายใน Wikipedia ได้อธิบายว่า “เสียง เป็นคลื่นเชิงกลที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของวัตถุ เมื่อวัตถุสั่นสะเทือน ก็จะทำให้เกิดการอัดตัวและขยายตัวของคลื่นเสียง และถูกส่งผ่านตัวกลาง เช่น อากาศ ไปยังหู เสียงสามารถเดินทางผ่านสสารในสถานะก๊าซ ของเหลว และของแข็งก็ได้ แต่ไม่สามารถเดินทางผ่านสุญญากาศได้ คลื่นเสียงเกิดจาก การสั่นสะเทือนของวัตถุ เมื่อวัตถุเกิดการสั่นสะเทือน จะเกิดการถ่ายโอนพลังงานให้กับอนุภาคของตัวกลาง ทำให้อนุภาคของตัวกลางสั่น แล้วถ่ายโอนไปยังอนุภาคอื่นๆที่อยู่ข้างเคียงให้สั่นตาม เป็นอย่างนี้ต่อเนื่องไปเรื่อยจนกระทั่งถึงอนุภาคตัวกลางที่อยู่ติดกับเยื่อแก้วหู อนุภาคเหล่านี้สั่นไปกระทบเยื่อแก้วหู ทำให้เยื่อแก้วหูสั่นตาม จึงทำให้เราได้ยินเสียง”

Noise (ตามพจนานุกรม คือ เสียงรบกวน) จากคำอธิบายใน Wikipedia ได้อธิบายว่า “เสียงใด ๆ ที่ไม่เป็นที่ต้องการ เสียงที่ดังเป็นพิเศษซึ่งรบกวนบุคคลหรือทำให้ฟังเสียงที่ต้องการได้ยากจัดเป็นเสียงรบกวน ตัวอย่างเช่น การสนทนากับบุคคลอื่นอาจถือเป็นเสียงรบกวนสำหรับผู้ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสนทนา เสียงที่ไม่เป็นที่ต้องการใด ๆ เช่น หมาเห่า เพื่อนบ้านเล่นดนตรีเสียงดัง เลื่อยกลพกพา เสียงการจราจรถนน หรืออากาศยานที่ห่างไกลในชนบทที่เงียบสงบเป็นเสียงรบกวนทั้งสิ้น เสียงรบกวนเป็นอะไรก็ได้ตั้งแต่เสียงที่เงียบแต่น่ารำคาญจนถึงเสียงดังและเป็นโทษ”

อธิบายโดยง่ายเลยก็คือ Sound เป็น คลื่นเสียงที่ไม่ก่อให้เกิดความน่ารำคาญ อาจจะรวมไปถึงเสียงเพลงที่น่าฟัง และเสียงพูดเสียงนกร้องที่เราพึงจะได้ยินนั่นเอง แต่ Noise เหมือนจะเป็นคำที่ตรงกันข้ามกันกับคำว่าเสียง นั่นก็คือ เสียงหรือคลื่นที่ทำให้คนเราได้ยินและเกิดความน่ารำคาญ นั่นคือ”เสียงที่ไม่พึงประสงค์” ไม่ว่าจะเป็นเสียงพูดหรือเสียงเพลง ก็สามารถเป็นเสียงรบกวน(Noise)ได้เช่นกัน

 

 

เสียงที่ดังต่อเนื่องที่เกิดจากพัดลม 0

ceiling-fan-1333756_1920

              เสียงที่ดังต่อเนื่องที่เกิดจากพัดลม 


เสียงที่ดังต่อเนื่องนั้นที่เกิดจากพดลมนั้นเป็นเสียงที่เกิดขึ้นและ เราจะรู้สึกถึงเสียงนั้นเพียงช่วงแรกๆ แต่พอเวลาผ่านไปชั่วครู่หนึ่งเราจะคุ้นชินกับเสียงนั้นๆ บางคนอาจสงสัยแต่ไม่เคยหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย แต่วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยในเรื่องนี้ให้กระจ่างกันว่าเสียงที่ดังต่อเนื่องที่เกิดจากพัดลมนั้น ก่อให้เกิดอันตรายหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด

 

เสียงที่ดังต่อเนื่องจนทำให้เกิดความเคยชินกับหูเรานั้นมีหลายเสียงหลายเหตุการณ์ ซึ่งเราก็ไม่ได้สังเกตุกับเหตุการณ์เหล่านี้มากนัก ผมจะยกตัวอย่างเช่น การที่เราเปิดพัดลมเป่าเพื่อให้เกิดความเย็นในตอนที่เรานอนตอนกลางคืนเสียงเหล่านี้อาจไม่เป็นอันตรายมากนัก เสียงเหล่านี้เรียกว่าเสียงระดับต่ำที่ดังสม่ำเสมอ ตามโรงงานได้ควบคุมเสียงที่เกิดจากพัดลม ให้ลดน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้ได้มาตราฐานและนำออกจำหน่ายได้ เพราะฉะนั้นเสียงพัดลมจึงไม่ก่อให้เกิดเสียงดังจนทำให้ก่อเกิดอันตรายได้ เพราะไม่กระตุ้นให้หัวใจเต้นเเรง, หายใจหอบ, ตื่นตระหนกหรือเครียด แบบที่ร่างกายตอบสนองต่อเสียงที่ทำให้สะดุ้งตื่นตกใจ แต่หากเราใช้สิ่งของเหล่านี้ไปนานๆ อาจก่อให้เกิดความเสื่อมสภาพขึ้นและเป็นเหตุที่ก่อให้เกิดเสียงดังแต่ไม่ก่อให้เกิดความน่ารำคาญ และเสียงเหล่านั้นไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อหูของเราแต่ก่อให้เกิดผลเสียข้างเคียง เช่น ทำให้เราหลับไม่เต็มอิ่ม(ถ้ามีเสียงที่ดังตลอดเวลา เวลาเราหลับ จะทำให้เราหลับไม่เต็มอิ่ม) เกิดโรคต่างๆตามมาภายหลังเช่น โรคหัวใจ, ไมเกรน

 

จะกล่าวได้ว่า เสียงจากพัดลมที่ดังต่อเนื่องและไม่ก่อให้เกิดการกระตุ้นจากร่างกายนั้น ถ้าดังเกินไป อาจส่งผลข้างเคียงทำให้เกิดโรคขึ้นมาภายหลังหรือเกิดผลข้างเคียงที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของเราได้ เพราะฉะนั้นจะเป็นการดี ถ้าหากเราควรเช็คสภาพของพัดลมอยู่บ่อยๆ หรือคอยสังเกตุเสียงที่เกิดจากพัดลมว่ามีความผิดปกติหรือไม่ เพราะเราใช้พัดลมทุกวันและสิ่งนี้ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก แต่เราไม่เคยให้ความสำคัญกับมันเลยphoto-1455026733626-d2d31efe4976


 

ความแตกต่างระหว่าง “ระดับเสียง” กับ “ความดัง” 0

ในปัจจุบัน ผมพูดภาษาไทยกันจนลืมไปเลยว่าคำไหนที่มีความแตกต่างกันบ้างหรือเปล่า เรามักจะเหมารวมคำที่คล้ายๆกัน แล้วนำมาพูดมาในความหมายที่เหมือนกัน ซึ่ง มีอยู่วันหนึ่งผมก็เกิดสงสัยว่า กลุ่มคำเหล่าที่ ที่จะกล่าวมาทางด้านล่างนี้ มันมีความหมายเหมือนกันซะเหลือเกิน จนผมไม่รู้สึกว่ามันแตกต่างอะไรกัน ผมจึงเกิดความคิดที่จะหาข้อมูลในส่วนนี้ จึงได้ข้อสรุปที่ว่า

คำว่า”ระดับเสียง” Pitch มีหน่วยเป็น dB (decibel)

คำว่า”ระดับความดันเสียง” Sound Pressure Level มีหน่วยเป็น dB (decibel)

คำว่า “ความดัง” Loudness มีหน่วยเป็น โซน (Sone)

คำว่า “ระดับความดัง” Loudness Level มีหน่วยเป็น โฟน (Phon)

ผมจึงขอหยิบยกคำพูดจาก อาจารย์ปราโมช เชี่ยวชาญ ที่ว่า (ให้สังเกตจากกฏหมายฉบับใหม่ ๆ จะพบว่า การกำหนดมาตรฐานเสียงตามกฎหมายต่าง ๆ ของประเทศไทยจะใช้คำว่า ค่าระดับเสียง โดยไม่ใช้คำว่าความดัง เพราะอาจทำให้สับสนกับคำว่า Loudness หรือ Loudness Level)

ขอขอบคุณที่ไดรับฟังและรับชมนะครับ

……………………………………………
เอกสารอ้างอิง

กรมควบคุมมลพิษ . (2544). มลพิษทางเสียง. กรุงเทพมหานคร: บริษัทซิลค์คลับ จำกัด.
ปราโมช เชี่ยวชาญฬ. (2551). เอกสารการสอนชุดวิชาสุขศาสตร์อุตสาหกรรม: การประเมิน. นนทบุรี: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
สราวุธ สุธรรมาสา. (2547). การจัดการมลพิษทางเสียงจากอุตสาหกรรม. กรุงเทพมหานคร: บริษัทซีแอนด์ เอส พริ้นติ้ง จำกัด
Cyril, M. Harris. (eds.). (1991). Handbook of Acoustical Measurements and Noise Control. 3rd ed. New York : McGraw Hill Inc.
John, E.K. Foreman. (1990). Sound Analysis and Noise Control. New York: Van Nostrand Reinhold.
Lawrence, K. Wang, Norman, C. Pereira and Yung-Tse, Hung (eds). (2005). Advanced Air and Noise Pollution Control. New Jersy: Humana Press Inc.
WHO. (2001). Occupational Exposure to Noise: Evaluation, Prevention and Control. ค้นคืนเมื่อ พฤษภาคม 2555 จาก http//www.mne.psu.edu/lamancusa/me458/

ขอขอบคุณ : http://www.stou.ac.th/Schools/Shs/booklet/book55_3/sanitation.html