Monthly Archives: August 2016

การสอบเทียบไมโครโฟน (Microphone Calibration) 0

การสอบเทียบ (Calibration)

การสอบเทียบเทียบ!!!

การสอบเทียบ คือ “ชุดของการดำเนินการเพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างค่าที่ชี้บอกโดยเครื่องมือวัด หรือระบบการวัด หรือค่าที่แสดงโดยเครื่องวัดที่เป็นวัสดุกับค่าสมนัยที่รู้ของปริมาณที่วัดภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดไว้” จาก ( พจนานุกรมระหว่างประเทศของคำศัพท์พื้นฐานและคำศัพท์ทั่วไปในมาตรวิทยา )

 

ทำไมต้องมีการสอบเทียบไมโครโฟน?

สิ่งของต่างๆที่เราใช้ในชีวิตประจำวันเมื่อถึงเวลามักจะต้องมีการเสื่อมสภาพเป็นธรรมดา ซึ่งในที่นี้ก็รวมไปถึงเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปก็ต้องมีการเสื่อมสมรรถภาพไปตามกาลเวลา และไม่มีทางที่จะเหนี่ยวรั้งไม่ให้มันเสื่อมสภาพได้ ซึ่งทางแก้ปัญหามีอยู่ทางเดียวคือ ต้องรักษาเครื่องมือเครื่องใช้นั้นๆ ให้ดี เพื่อให้เครื่องมือนั้นๆอยู่กับเรานานๆ แต่ถ้าเครื่องมือของเราเกิดอาการงองแง, เสียหรือชำรุด นั่นก็แน่นอนว่าเราต้องซ่อมหรือดัดแปลงมันให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ตามความต้องกาารของเราได้ดังเดิม แต่สำหรับเครื่องมือวัดค่าต่างๆนั้น การเสื่อมสภาพในการวัดค่า มันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย และเป็นสิ่งที่ต้องแก้ไขโดยเร่งด่วน และวิธีที่จะสามารถช่วยให้เครื่องมือวัดค่าของเรากลับมามีการวัดค่าที่ดีดังเดิมก็คือ “การสอบเทียบเสียง”

ทำไมต้องเจาะจงเฉพาะการสอบเทียบเครื่องวัดค่าต่างๆ

เพราะการวัดค่าต่างๆ จำเป็นอย่างมากที่จะต้องมีความเที่ยงตรงและแน่นอนเสมอๆ ถ้าเกิดการผิดเพี้ยนของค่าการวัดไปเพียงเล็กน้อย นั่นก็สื่อถึงความไม่ได้มาตรฐานของการวัด ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องสอบเทียบ เพื่อให้ค่านั้นๆตรงตามมาตรฐานอยู่เสมอๆ และเพื่อรักษามาตรฐานในการวัดให้ตรงตามที่มาตรฐานได้กำหนด

A photo by Sergey Zolkin. unsplash.com/photos/m9qMoh-scfE

ความหมายของคำที่เกี่ยวกับเสียง 0

ความหมายของคำที่เกี่ยวกับเสียงที่ถูกต้อง

“เสียงรบกวน” หมายความว่า ระดับเสียงจากแหล่งกำเนิดในขณะมีการรบกวนที่มีระดับเสียงสูงกว่าระดับเสียงพื้นฐาน โดยมีระดับการรบกวนเกินกว่าระดับเสียงรบกวนที่กำหนดไว้ในประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ ๒๙ (พ.ศ. ๒๕๕๐) เรื่อง ค่าระดับเสียงรบกวน

“ระดับเสียงพื้นฐาน” หมายความว่า ระดับเสียงที่ตรวจวัดในสิ่งแวดล้อมในขณะยังไม่เกิดเสียงหรือไม่ได้รับเสียงจากแหล่งกำเนิดที่ประชาชนร้องเรียนหรือแหล่งกำเนิดที่คาดว่าประชาชนจะได้รับการรบกวน เป็นระดับเสียงเปอร์เซ็นไทล์ที่ ๙๐ (Percentile Level 90, LA90)

“ระดับเสียงขณะมีการรบกวน” หมายความว่า ระดับเสียงที่ได้จากการตรวจวัดและจากการคำนวณระดับเสียงในขณะเกิดเสียงของแหล่งกำเนิด ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดที่ประชาชนร้องเรียนหรือแหล่งกำเนิดที่คาดว่าประชาชนจะได้รับการรบกวน

“ระดับเสียงขณะไม่มีการรบกวน” หมายความว่า ระดับเสียงที่ตรวจวัดในสิ่งแวดล้อมในขณะยังไม่เกิดเสียงหรือไม่ได้รับเสียงจากแหล่งกำเนิดที่ประชาชนร้องเรียนหรือแหล่งกำเนิดที่คาดว่าประชาชนจะได้รับการรบกวน เป็นระดับเสียงเฉลี่ย (LAeq)

“เสียงกระแทก” หมายความว่า เสียงที่เกิดจากการตก ตี เคาะหรือกระทบของวัตถุ หรือลักษณะอื่นใดซึ่งมีระดับเสียงสูงกว่าระดับเสียงทั่วไปในขณะนั้น และเกิดขึ้นในทันทีทันใดและสิ้นสุดลงภายในเวลาน้อยกว่า ๑ วินาที (Impulsive Noise) เช่น การตอกเสาเข็ม การปั๊มขึ้นรูปวัสดุ เป็นต้น

“เสียงแหลมดัง” หมายความว่า เสียงที่เกิดจากการเบียด เสียด สี เจียร หรือขัดวัตถุอย่างใดๆ ที่เกิดขึ้นในทันทีทันใด เช่น การใช้สว่านไฟฟ้าเจาะเหล็กหรือปูน การเจียรโลหะ การบีบหรืออัดโลหะโดยเครื่องอัด การขัดขึ้นเงาวัสดุด้วยเครื่องมือกล เป็นต้น

“เสียงที่มีความสั่นสะเทือน” หมายความว่า เสียงเครื่องจักร เครื่องดนตรี เครื่องเสียง หรือเครื่องมืออื่นใดที่มีความสั่นสะเทือนเกิดร่วมด้วย เช่น เสียงเบสที่ผ่านเครื่องขยายเสียง เป็นต้น

“ระดับการรบกวน” หมายความว่า ค่าความแตกต่างระหว่างระดับเสียงขณะมีการรบกวน กับระดับเสียงพื้นฐาน

ง” หมายความว่า เครื่องวัดระดับเสียงตามมาตรฐาน IEC ๖๐๘๐๔ หรือIEC ๖๑๖๗๒ ของคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศว่าด้วยเทคนิคไฟฟ้า (International Electrotechnical Commission, IEC) ที่สามารถตรวจวัดระดับเสียงเฉลี่ย และระดับเสียงเปอร์เซนไทล์ที่ ๙๐ ตามระยะเวลาที่กำหนดได้

 

photo-1458007683879-47560d7e33c3

10 อันดับเสียงที่อันตรายที่สุดในโลก 0

เสียงที่เราสนทนาพูดคุยกันทุกวันนี้ มีระดับความดังอยู่ที่ 60 เดซิเบล

แต่เสียงที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อแก้วหูจะอยู่ที่ 90 เดซิเบล

เมื่อเราฟังเสียงที่มีความดังอยู่ที่ 85 เดซิเบลเกิน 8 ชั่วโมงก็เป็นอันตรายเช่นกัน

มนุษย์เราไม่สามารถทนฟังเสียงที่140เดซิเบล ได้ ซึ่งนั่นจะทำให้แก้วหูฉีกได้

แต่วันนี้ผมจะมาพูดถึงระดับความดังของเสียง 10อันดับ ที่มีความดังมากที่สุดในโลก

 

10.เสียงลำโพงจากคอนเสิร์ตร็อค 135 dB

audience-828584_1920

9.เสียงจากดอกไม้ไฟ 145-150 dB

flame-1128636_1280

8.เสียงปืน 145-155 dB

gun-449783_1280

7.รถNHRA Dragsters 155-160 dB

24711273644_bb582b0e6a_b

6.เสียงจรวดที่กำลังทำการปล่อยตัวออกจากฐาน 165-170 dB

kazakhstan-189927_1920

5.เสียงจากวาฬสีน้ำเงิน 188 dB

late-stage-1431752_1920

4.เสียงระเบิดจากจากภูเขาไฟ Krakatoa 172-180 dB

volcano-1031161_1920

3.เสียงระเบิด TNT 1 ตัน 210 dB

volcanic-eruption-67668_1920

2.เสียงแผ่นดินไหวขนาด 5.0 ริกเตอร์ 235 dB

nepal-earthquake-aerial-photos

1.เสียงอุกาบาติทันกัสกา (Tunguska meteor) 300-315 dB

asteroid-1477065_1280

 

การ Reset ตัวเองก่อนนอน 0

เคยไหม? ที่ตื่นเช้ามาแล้วมีอาการง่วงนอน, อ่อนเพลีย, ไม่สดชื่น, ไม่อยากตื่น ถึงแม้จะหลับเต็มอิ่มแล้วก็ตาม ต้นเหตุอาจจะเป็นเพราะ เมื่อตอนก่อนนอนมีเรื่องต้องให้คิดมากมายสมองจึงยังปรับตัวไม่ทัน, ก่อนนอนมีเสียงดังหนวกหูซึ่งเป็นเหตุทำให้ไม่สามารถนอนได้ และนอนได้อย่างไม่เต็มอิ่ม, เกิดความเครียดในตอนที่กำลังนอนเพราะมีเสียงดังจากพัดลม(ซึ่งเราอาจไม่รู้ตัว) และนี่ก็เป็นปัญหาใหญ่สำหรับใครบางคนเลย ซึ่งบางคนก็อาจจะเคยชินไปแล้วว่าเรื่องแค่นี้เป็นเรื่องปกติแต่ที่จริงแล้วมันไม่เคยเป็นเรื่องปกติเลย หรือคนที่นอนไม่หลับเวลาตอนกลางคืน อาจจะเป็นเพราะสมองถูกกระตุ้นให้ต้องคิดทั้งวัน จึงยังปรับตัวไม่ทัน แต่วันนี้ผมจะมาแนะนำเรื่องของการ Reset ตัวเองก่อนนอน วิธีนี้ช่วยให้เพื่อนๆสามารถนอนหลับภายใน2นาทีได้ ทำให้ระบบประสาทผ่อนคลายหลังจากที่ต้องเครียดมาทั้งวัน, ช่วยให้นอนหลับเร็วขึ้น ทำให้ร่างกายหลีกหนีจากเสียงรบกวนต่างๆ

 

วิธีการนั้นไม่ยากเลย มีแค่เพียง3ขั้นตอนเท่านั้น

  1. หายใจเข้าทางจมูกอย่างช้าๆ แล้วปล่อยออกมาทางปากแรงๆ ทำแบบนี้ 10 ครั้ง
  2. เมื่อทำตามข้อที่ 1 แล้ว ถึงเวลาที่ต้องกลั้นหายใจเป็นเวลา 10 วินาที
  3. จากนั้น กลับมาทำข้อที่หนึ่งต่อ

วิธีนี้ช่วยให้:

  1. ทำให้ระบบประสาทผ่อนคลาย หลังจากได้รับความเครียดทั้งวัน
  2. ช่วยให้หัวใจเต้นเบาลง
  3. ถือเป็นการทำสมาธิอีวิธีหนึ่ง ซึ่งทำให้จิตใจของเราสงบขึ้น
  4. ทำให้นอนหลับได้เร็วขึ้น
  5. ตัดตัวเองออกจากเสียงรบกวนต่างๆ ที่ก่อกวนระหว่างที่เรากำลังจะนอน
  6. ตัดตัวเองออกจากเสียงรบกวนต่างๆ ที่ก่อกวนระหว่างที่เรากำลังนอน
  7. เพิ่มอ๊อกซิเจนให้สมองและปอด
  8. ช่วยให้การตื่นนอนเป็นเรื่องที่ไม่แย่เกินไปในวันถัดไป

วิธีนี้ถือว่าเป็นง่ายสุดๆ เทียบกับการที่เราต้องใช้เวลา2 นาทีเพื่อให้ร่างกายปรับตัว เพื่อแลกกับข้อดีที่เราจะได้รับ ผมขอแนะนำว่า วิธีนี้สามารถทำซ้ำกันหลายๆรอบได้ ยิ่งมากก็ยิ่งดี บางคนอาจหลับไประหว่างที่กำลังทำเลยก็ได้