แสงเหนือ : พายุแม่เหล็กโลกจากการระเบิดบนดวงอาทิตย์ ทำให้มีโอกาสเห็นแสงเหนือเพิ่มขึ้น


แสงเหนือ ปรากฏการณ์ที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า มักพบเห็นได้ในภูมิภาคอาร์กติกเท่านั้น แต่ในช่วง 2-3 วันนี้ แสงเหนืออาจพบเห็นได้ในพื้นที่ที่มีละติจูดต่ำลงมา ซึ่งเป็นผลมาจากพายุแม่เหล็กโลก (geomagnetic storm) ที่กำลังพัดโถมมาสู่โลก
ผู้เชี่ยวชาญจากองค์การบริหารสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติ (National Oceanic and Atmospheric Administration–NOAA) ซึ่งเป็นสำนักงานพยากรณ์อากาศของสหรัฐฯ ระบุว่า พายุนี้มีความรุนแรงระดับปานกลาง แต่ก็รุนแรงพอที่จะทำให้เกิดแสงเหนือในแคนาดา และหลายรัฐทางตอนเหนือของสหรัฐฯ ไปจนถึงวันศุกร์นี้
พายุแม่เหล็กโลกคืออะไร?
พายุแม่เหล็กโลกเป็นการรบกวนสนามแม่เหล็กโลกที่เกิดจากการมีปฏิสัมพันธ์กันระหว่าง ลมสุริยะ หรืออนุภาคที่มีพลังงานที่ถูกพัดออกมาจากดวงอาทิตย์ผ่านระบบสุริยะ กับสนามแม่เหล็กโลก

พายุแม่เหล็กโลก เกิดขึ้นจากการปะทุของลมสุริยะที่รุนแรงและยาวนาน
พายุขนาดใหญ่ที่สุด เกิดจากการปลดปล่อยมวลของดวงอาทิตย์ (coronal mass ejections–CMEs) ซึ่งมีการปล่อยพลาสมาสุริยะและออกมาจากเขตสุริยะที่มีสนามแม่เหล็กรุนแรง
ปกติ CMEs ใช้เวลาหลายวันกว่าจะเดินทางมาถึงโลก แต่พายุที่รุนแรงที่สุดใช้เวลาเดินทางมายังโลกเพียง 18 ชั่วโมงเท่านั้น
การระเบิดบนดวงอาทิตย์
พายุแม่เหล็กโลกที่เกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ เกิดจาก CMEs 3 ครั้งที่จุดดำบนดวงอาทิตย์ (sunspot) ซึ่งเป็นบริเวณบนดวงอาทิตย์ที่อุณหภูมิพื้นผิวลดลง จากการที่มีสนามแม่เหล็กกระจุกตัวอยู่สูง

อนุภาคของดวงอาทิตย์ เดินทางผ่านอวกาศ และกระทบกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางทางมัน
เมื่อ CME กระทบกับโลก มันได้ปะทะกับอะตอมและโมเลกุลในชั้นบรรยากาศโลก การปะทะนี้ ทำให้เกิดแสงเหนือและแสงใต้ (ซึ่งเกิดขึ้นในภูมิภาคแอนตาร์กติก)
ผลกระทบ
เคราะห์ร้าย พายุแม่เหล็กโลกที่รุนแรง มีผลข้างเคียงที่ไม่พึงปรารถนาบางอย่าง พวกมันรบกวนสายส่งไฟฟ้า, การสื่อสาร และระบบนำร่องด้วยดาวเทียม
นักวิทยาศาสตร์บางคน สงสัยว่า พวกมันมีส่วนเกี่ยวข้องกับการรบกวนนาฬิกาชีวภาพของมนุษย์ และทำให้อัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิตแปรปรวน
เซอร์ไก โบกาชอฟ นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์ชาวรัสเซีย ระบุว่า พายุที่เกิดขึ้นตอนนี้ มีความรุนแรงที่สุดในรอบ 18 เดือน แต่ถูกจัดอยู่ใน “ระดับ 3 จากการวัดระดับ 1-5”

NOAA เน้นย้ำว่า จุดดำบนดวงอาทิตย์ที่ทำให้เกิด CME นี้ ดูเหมือนจะกำลังแตกสลาย และไม่น่าจะปลดปล่อยมวลมหาศาลที่ส่งผลรุนแรงต่อโลกได้
ดังนั้น พายุครั้งนี้จึงไม่สามารถเปรียบได้กับ พายุสุริยะขนาดใหญ่ในปี 1859 ซึ่งเป็นพายุสุริยะที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยบันทึกไว้ มันส่งผลให้ระบบโทรเลขมีปัญหา และแสงเหนือสามารถมองเห็นได้ลงไปทางใต้สุดถึงเกาะบาฮามาส
รายงานของสภาวิทยาศาสตร์แห่งชาติ (National Academy of Sciences) ของสหรัฐฯ ประเมินว่า “กรณีที่เกิดพายุแม่เหล็กโลกรุนแรง” อาจสร้างความเสียหายในช่วงปีแรกปีเดียวได้ถึง 1-2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 32-63 ล้านล้านบาท และโลกเราอาจจะต้องใช้เวลา 4-10 ปี ในการฟื้นฟู
โชคดี พายุลูกที่กำลังเกิดขึ้นนี้ น่าจะได้รับการจดจำไว้เพียงแค่ว่า ทำให้เห็นแสงเหนือมากขึ้น เท่านั้น

ขอขอบคุณสาระดีๆจาก
https://www.bbc.com/thai/international-48299727 ด้วยค่ะ

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *