เกร็ดความรู้เรื่องมลพิษทางเสียง

เกร็ดความรู้เรื่องมลพิษทางเสียง (กรมควบคุมมลพิษ)
สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดเสียงรบกวนในเมือง
แหล่งกำเนิดเสียงที่เป็นปัญหามากที่สุดในเมือง คือ รถจักรยานยนต์ รถยนต์ เรือหางยาวและรถอื่น ๆ ที่มีการดัดแปลงท่อไอเสีย
เลี่ยงจากการรับฟังเสียงดังอย่างไร
หลีกเลี่ยงที่ที่มีเสียงดังมากๆ  หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรใช้เครื่องป้องกันหู เช่น ที่อุดหูหรือที่ครอบหู แต่ทางที่ดีที่สุด ควรป้องกันและแก้ไขจากต้นเหตุ
อันตรายจากเสียงดัง  อันตรายต่อการได้ยิน
# หูหนวกเฉียบพลัน เกิดจากการได้ยินเสียงดังมาก ๆ ทันที เช่น เสียงระเบิด
# หูหนวกชั่วคราวหรือหูหนวกถาวรเกิดจากการอยู่ในที่มีเสียงดังมากเป็นเวลานาน ๆ
อันตรายต่อสุขภาพทั่วไปและต่อจิตใจ
# รบกวนการพักผ่อน นอนหลับ
# ก่อให้เกิดความรำคาญและรบกวนการสื่อสารที่ใช้เสียง
# รบกวนการทำงานและประสิทธิภาพของการทำงานลดลง
# เกิดความเครียดและเสียสุขภาพจิต
# อาจเป็นสาเหตุของโรคความดันโลหิตสูงและแผลในกระเพาะอาหาร
หูของท่านปกติหรือไม่
มีวิธีการตรวจอย่างง่าย ๆ 2 วิธี คือ
# ให้ท่านยืนหันหลังห่างจากเพื่อนของท่าน 5 ฟุต แล้วให้เพื่อนเรียกชื่อท่านด้วยเสียงดังตามปกติ ถ้าท่านได้ยินให้ขานตอบ ทำซ้ำ 5 ครั้ง ถ้าไม่ได้ยินเสียงเรียกแสดงว่าหูของท่านอาจผิดปกติ
# ให้ท่านกำมือแล้วใช้นิ้วชี้ถูกับนิ้วหัวแม่มือห่างจากหูประมาณ1 เซนติเมตร และฟังเสียง ทดลองกับหูทีละข้าง ถ้าไม่ได้ยินเสียงต้องรีบปรึกษาแพทย์
จะรู้ได้อย่างไรว่าบริเวณใดมีเสียงดังถึงขึ้นอันตราย
# ถ้ายืนพูดคุยกันในระยะห่างประมาณหนึ่งช่วงแขนแล้วไม่ได้ยินและไม่เข้าใจกัน แสดงว่าบริเวณนี้มีเสียงดังถึงขั้นอันตราย
# ใช้มาตรระดับเสียงตรวจระดับเสียงบริเวณนั้น องค์การพิทักษ์สิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐอเมริกา (USEPA) เสนอแนะว่าผู้ที่ได้รับเสียงเฉลี่ยเกิน70 เดซิเบลเอ อย่างต่อเนื่อง 24ชั่วโมง เป็นระยะเวลานานจะกลายเป็นคนหูตึง
การแก้ไขปัญหาเสียงดังจากรถและเรือ
# ใช้ท่อไอเสียที่มีเครื่องระงับเสียงและได้มาตรฐาน มอก. ในกรณีรถจักรยานยนต์และรถยนต์
# ไม่ดัดแปลงท่อไอเสีย ให้มีเสียงดัง
# ดูแลรักษาเครื่องยนต์ให้อยู่ในสภาพดีอยู่เสมอ
# ไม่ควรใช้แตรลมหรือใช้แตรโดยไม่จำเป็นขณะอยู่ในเขตพื้นที่อยู่อาศัย
# ไม่ใช้ความเร็วสูง หรือเร่งเครื่องยนต์แรง ๆ
# ไม่บรรทุกภาระมากเกินไป
มาตรฐานและวิธีการตรวจวัดระดับเสียงจากรถและเรือ
1. ให้จอดรถหรือเรืออยู่ในเกียร์ว่าง
2. เร่งเครื่องยนต์ให้ความเร็วรอบสูงสุดในกรณีรถยนต์หรือเรือที่ใช้เครื่องยนต์ ดีเซล หรือเร่งเครื่องยนต์ให้มีความเร็วรอบเท่ากับ 3/4 ของความเร็วรอบสูงสุดในกรณีใช้เครื่องยนต์เบนซินหรือรถจักรยานยนต์ที่ มีความเร็วรอบสูงสุดไม่เกิน 5,000 รอบต่อนาที และเร่งเครื่องยนต์ให้มีความเร็วรอบเท่ากับ 1/2  ของความเร็วรอบสูงสุด ในกรณีเป็นรถจักรยานยนต์ ที่มีความเร็วรอบสูงสุดกว่า 5,000 รอบต่อนาที

ขอขอบคุณสาระดีๆจาก http://icare.kapook.com/globalwarming.php?ac=detail&s_id=3&id=2235 ด้วยค่ะ

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *