เสียงดังในหู เป็นความผิดปกติทางหูที่นำผู้ป่วยมาพบแพทย์ เพราะกลัวว่าจะเป็นอันตรายกับผู้ป่วยหรือไม่ หรือเพราะรำคาญทำให้นอนหลับยาก ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะได้ยินเสียงดังนี้ เฉพาะตัวผู้ป่วยเอง ผู้อื่นไม่ได้ยินเสียงนี้ด้วย ผู้ป่วยมักบอกว่าเสียงดังในหูนั้นคล้ายเสียงจักจั่น หรือจิ้งหรีดร้องอยู่ภายใน อาจเป็นเสียงหึ่งๆ วิ้งๆ ซ่าๆ ไม่เฉพาะข้างใดข้างหนึ่งแต่เกิดทั้ง 2 ข้างได้ มักได้ยินชัดขึ้นในเวลากลางคืน ในที่เงียบๆ ผู้ป่วยอาจมีเสียงดังในหูอย่างเดียวหรือมีอาการอื่นร่วมด้วยๆ เช่น หูอื้อ ปวดหู เวียนศีรษะ บ้านหมุน
เสียงดังในหู แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
1. เสียงดังในหูชนิดที่ได้ยินเฉพาะตัวผู้ป่วย หรือเสียงที่มีการรับรู้ผิดปกติ โดยที่ไม่มีเสียงเกิดขึ้นจริง (subjective tinnitus) เป็นเสียงดังในหูประเภทที่พบบ่อยที่สุด สาเหตุเกิดจากความผิดปกติของ
– หูชั้นนอก เช่น ขี้หูอุดตัน, เยื่อแก้วหูทะลุ, หูชั้นนอกอักเสบ, เนื้องอกของหูชั้นนอก
– หูชั้นกลาง เช่น หูชั้นกลางอักเสบ,น้ำขังอยู่ในหูชั้นกลาง เนื่องจากท่อยูสเตเชี่ยน (ท่อที่เชื่อมต่อระหว่างหูชั้นกลางและโพรงหลังจมูก)ทำงานผิดปกติ,โรคหินปูนในหูชั้นกลาง
– หูชั้นใน สาเหตุที่พบได้บ่อยสุด คือประสาทหูเสื่อมจากอายุ นอกจากนั้นการเสื่อมของเส้นประสาทหู อาจเกิดจาก การได้รับเสียงที่ดังมากในระยะเวลาสั้น ๆ ทำให้เส้นประสาทหูเสื่อมเฉียบพลัน (acoustic trauma)เช่น ได้ยินเสียงปืน เสียงระเบิด เสียงประทัด, การได้รับเสียงที่ดังปานกลางในระยะเวลานาน ๆ ทำให้ประสาทหูเสื่อมแบบค่อยเป็นค่อยไป (noise-induced hearing loss)เช่น อยู่ในโรงงาน หรือยู่ในคอนเสิร์ตที่มีเสียงดังมาก ๆ,การใช้ยาที่มีพิษต่อประสาทหู (ototoxic drug)เป็นระยะเวลานาน เช่น salicylate, aminoglycoside, quinine, aspirin, การบาดเจ็บของกะโหลกศีรษะแล้วมีผลกระทบกระเทือนต่อหูชั้นใน (labyrinthine concussion), การติดเชื้อของหูชั้นใน (labyrinthitis) เช่น ซิฟิลิส ไวรัสเอดส์, การผ่าตัดหูแล้วมีการกระทบกระเทือนต่อหูชั้นใน, มีรูรั่วติดต่อระหว่างหูชั้นกลางและหูชั้นใน, โรคมีเนียหรือน้ำในหูไม่เท่ากัน
– สมอง โรคของเส้นเลือด เช่น เส้นเลือดในสมองตีบ,เลือดออกในสมอง,ไขมันในเลือดสูง, ความดันโลหิตสูง,เนื้องอกในสมอง เช่น เนื้องอกของเส้นประสาทหู และ/หรือประสาทการทรงตัว(acoustic neuroma)
– สาเหตุอื่น ๆ เช่น โรคโลหิตจาง,โรคแพ้ภูมิตัวเอง,โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว,โรคเกล็ดเลือดสูงผิดปกติ,โรคที่มีระดับยูริกในเลือดสูง, โรคไต, โรคเบาหวาน, โรคความดันโลหิตต่ำ,โรคไขมันในเลือดสูง, โรคความดันโลหิตสูง โรคต่าง ๆ เหล่านี้สามารถทำให้เกิดเสียงดังในหูได้
2. เสียงดังในหูชนิดที่บุคคลภายนอกสามารถได้ยิน หรือเสียงที่มีแหล่งกำเนิดเสียงจริงอยู่ภายในร่างกายของผู้ที่ได้ยิน (objective tinnitus) เสียงดังในหูชนิดนี้ ได้แก่
– ความผิดปกติของหลอดเลือด เช่น หลอดเลือดแดงมีการเชื่อมต่อที่ผิดปกติกับหลอดเลือดดำ (arteriovenous malformation)
– เส้นเลือดวางอยู่ในตำแหน่งผิดปกติ เส้นเลือดแดงโป่งพอง (aneurysm)
– บริเวณศีรษะและคอที่อยู่ใกล้ชิดกับหูชั้นนอก หูชั้นกลาง หูชั้นใน แม้แต่ในสมองเอง
– เสียงที่เกิดขึ้นอาจเกิดพร้อมจังหวะการเต้นของหัวใจ หรือดังขึ้นตอนออกกำลังกาย อาจได้ยินเมื่ออยู่ใกล้ผู้ป่วย หรือใช้เครื่องมือช่วยฟัง
– เสียงดังในหูที่เกิดจากการหายใจเข้าหรือออก อาจเกิดจากความผิดปกติของท่อยูสเตเชี่ยน ซึ่งเป็นท่อที่เชื่อมระหว่างหูชั้นกลาง และโพรงหลังจมูก
การวินิจฉัย
อาศัยการซักประวัติ สาเหตุต่าง ๆ ที่เป็นไปได้ที่ทำให้เกิดเสียงดังในหู, การตรวจหูบริเวณรอบหู, การวัดความดัน ท่านอน ท่านั่ง และท่ายืน, การตรวจเลือด เพื่อหาความผิดปกติของเคมีในเลือด, การตรวจปัสสาวะ, การตรวจการได้ยิน, การตรวจคลื่นสมองระดับก้านสมอง และการถ่ายภาพรังสี เช่น เอ็กซเรย์ คอมพิวเตอร์สมองหรือกระดูกหลังหู ตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ฉีดสารรังสีเข้าหลอดเลือด
ดังนั้น เสียงดังในหูอาจมีสาเหตุจากประสาทหูเสื่อม ซึ่งไม่มีอันตรายร้ายแรงใดๆ หายได้เองหรืออยู่กับผู้ป่วยตลอดชีวิตก็ได้ และอาจมีสาเหตุโรคที่อันตราย เช่น เนื้องอกของสมอง เส้นประสาท เส้นเลือดแดงโป่งพองก็ได้ ดังนั้นอย่านิ่งนอนใจดีกว่าครับ เมื่อพบเสียงดังในหู ควรปรึกษาแพทย์ หู คอ จมูกเพื่อหาสาเหตุแต่เนิ่น ๆ
Special thanks: Faculty of Medicine Siriraj Hospital